วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เทคนิคการขับรถออฟโรด


ขณะนี้รถออฟโรดกำลังเป็นที่นิยมมากในหมู่ผู้บริโภคคนไทย ประกอบกับในปีนี้จะมีรถออฟโรดพันธุ์แท้ออกสู่ตลาดให้เลือกมากขึ้น วันนี้คอลัมน์ของเราจึงขอแนะนำเทคนิคง่าย ๆ ในการขับขี่รถออฟโรดในรูปแบบต่าง เพราะใน การใช้งานจริงบนเส้นทางออฟโรดไม่สามารถคาดเดาว่าเส้นทางข้างหน้าจะมีรูปแบบใด การศึกษาและทำความคุ้นเคยกับการขับเพื่อสยบอุปสรรคในรูปแบบต่างๆ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็น การขับลุยโคลน ,ขับข้ามหิน,การขึ้นลงเนินลาดชัน ล้วนมีเทคนิคการขับที่แตกต่างกัน วันนี้ขอแนะนำวิธีการขับแบบเบื้องต้นสำหรับมือใหม่ที่มีหัวใจออฟโรด ให้ทดลองนำไปฝึกกัน ขอย้ำนะครับว่า การที่จะเก่งได้อาศัยการหมั่นฝึกฝน อดทนและตั้งใจ ไม่ใช่เพียงแค่อ่านจากตำราแล้วก็จะเก่งได้ นี่ไม่ใช่การสอบข้อเขียนแต่เป็นภาคปฏิบัติ เราไปเริ่มกันเลยดีกว่าครับ

1.การขับลุยโคลน
เป็นอุปสรรคที่สามารถพบได้อยู่เสมอ โดยเฉพาะการเดินทางในช่วงฤดูฝน โดยก่อนเริ่มการขับลุยโคลนไม่ว่าจะเป็นแอ่งที่มีความตื้นหรือ ลึก ควรเดินสำรวจโดยรอบก่อน เพื่อหาจุดเหมาะสมในการขับข้าม เพราะสภาพของดินโคลนในธรรมชาติแต่ละแห่งไม่เหมือนกัน อีกทั้งต้องพิจารณาต่อไปถึงเส้นทางข้างหน้าว่าเป็นอย่างไรและมีความวิบากมาก น้อยแค่ไหน การเลือกใช้ประเภทของเกียร์ขับเคลื่อน 4 ล้อ และความเร็วให้เหมาะสม นับว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่ง ในสภาพเส้นทางราบตรงและมีแอ่งโคลน ไม่ลึกมากขวางอยู่ ควรจะใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อในตำแหน่งเกียร์ 4H หรือ PART-TME HIGH ก็พอ เพราะมีการกระจายกำลังที่เพียงพอ และใช้ความเร็วที่เหมาะสมในการขับผ่าน ไม่เร็วหรือช้าจนเกินไป ที่สำคัญควรรักษารอบเครื่องยนต์ให้สม่ำเสมอ บางครั้งหากใช้ความเร็วมากเกินไปประ กอบกับพื้นดินที่อยู่ด้านล่างนุ่มมากเกินไป อาจจะทำให้รถยนต์ติดหล่มได้ อีกทั้งในขณะขับผ่านแอ่งโคลน ควรใช้เทคนิคหักพวงมาลัยซ้าย-ขวา สลับกันไปอย่างรวดเร็ว เพื่อให้หน้ายางตะกายผ่านพื้นผิวของโคลนได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การใช้ความเร็วในการแล่น ผ่านทางที่เป็นโคลน ต้องแน่ใจว่าไม่มีหินก้อนใหญ่ ๆ ฝังอยู่ที่พื้นด้านล่าง เพราะยางอาจดีดก้อนหินขึ้นมาจนทำให้เกิดความเสียหายกับยาง หรือตัวรถยนต์ได้ หากแอ่งโคลนข้างหน้ามีขนาดลึก ควรเปลี่ยนมาใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ในตำแหน่งเกียร์ 4L หรือ PART-TIME LOW เพื่อเพิ่มกำลังในการฉุดลากมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเส้นทางด้านหน้าเป็นทางขึ้นเนินชันรออยู่ คงไม่ดีแน่ หากต้องหยุดรถยนต์เพื่อเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ใหม่ เพราะอาจจะทำให้การไต่เนินชันทำได้ยากขึ้น และอาจจะต้องลงไปตั้งหลักที่ด้านล่างใหม่อีกครั้ง ดังนั้น ก่อนที่จะขับผ่านอุปสรรคใดก็ตาม ควรพิจารณาให้รอบคอบถึงเส้นทางต่อไปว่า มีความยากง่ายมากน้อยแค่ไหน ทำอย่างไรเมื่อติดหล่มโคลน หากรู้สึกว่าไม่สามารถขับผ่านแอ่งโคลนไปได้ ไม่ควรฝืนเพื่อผ่านไปให้ได้ด้วยการเหยียบ คันเร่งมากขึ้นกว่าเดิม เพราะจะทำให้สถานการณ์ แย่ลงไปอีก โดยยางจะจมลงไปในโคลนมากขึ้น หากเป็นรถยนต์ออฟโรดแบบเกียร์อัตโนมัติ ให้เหยียบเบรกและขึ้นเบรกมือไว้ จากนั้นผลักดันคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง P จึงสตาร์ทเครื่องอีกครั้งโดยที่เท้ายังเหยียบเบรกอยู่ ต่อจากนั้นเข้าเกียร์ต่ำหรือเกียร์ถอยหลังปลดเบรกมือและค่อยปล่อยเท้าจากการ เหยียบ เบรกมากดคันเร่งอย่างค่อยๆ จนตัวรถยนต์เริ่ม มีการเคลื่อนที่ หากเป็นเกียร์ธรรมดา อาจจะใช้วิธีเข้าเกียร์แล้วสตาร์ทเครื่องยนต์ จะทำให้ตัวรถยนต์ กระตุกและเคลื่อนตัวจนถึงหลุดจากหล่มโคลน ถ้ายังติดหล่มอยู่ให้ลองดูอีกครั้ง แต่ถ้าสถานการณ์แย่จริง ๆอาจใช้เครื่องลากหรือวินซ์ในการฉุดลากขึ้นจากแอ่งโคลน

2.การลุยทราย

อาจเป็นอุปสรรคที่ไม่ค่อยพบมากนัก ซึ่งการขับบนพื้นทราบมีเทคนิคไม่ต่างจากการขับผ่านแอ่งโคลน คือควรเลือกใช้เกียร์ขับเคลื่อน 4 ล้อให้เหมาะสม และพยายามเร่งเครื่องยนต์อย่างสม่ำเสมอ ผู้ขับสามารถเลือกใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อในตำแหน่งเกียร์ 4H ถ้าเป็นเส้นทางที่ไม่โหดมากนัก แต่ถ้าไม่มั่นใจก็สามารถเลือกในตำแหน่ง 4 L เลยก็ได้ เพราะถ้าคาดการณ์ผิดพลาดโดยใช้ตำ แหน่งเกียร์ 4 H ขณะที่เส้นทางมีความวิบากมาก พอผ่านไปได้สักระยะรถยนต์อาจหมดกำลังได้ การขับอยู่บนพื้นทราย พยายามรักษาความเร็วไว้ให้คงที่ไม่ควรลดความเร็วหรือหยุด เพราะอาจติดหล่มทรายได้

3.การขึ้น-ลงทางลาดชัน


ควรเลือกใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ในตำแหน่งเกียร์ 4Lเพื่อเพิ่มกำลังในการปีนไต่มาก ขึ้น อีกทั้งในขณะที่ลงทางลาดชัน เมื่อใช้เกียร์ 1 ร่วมกับเกียร์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ในตำแหน่งนี้กำลังของเครื่องยนต์จะช่วยฉุดตัวรถยนต์ไว้ จนผู้ขับแทบไม่ต้องแตะเบรกเพื่อชะลอความเร็ว เส้นทางขึ้น-ลงภูเขา พบได้ว่าการเดินทาง ตามต่างจังหวัด ซึ่งผู้ขับควรใช้ความระมัดระวัง เป็นพิเศษในการเดินทาง เพื่อความปลอดภัย หากเป็นบนถนนหลวงที่ตัดผ่านภูเขา อาจไม่จำเป็นต้องใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แค่ 2 ล้อ ขับเคลื่อนก็มีกำลังเพียงพอแล้ว ซึ่งในช่วงทางลง ควรใช้เกียร์ต่ำเพื่อให้กำลังของเบรกตลอดเวลาขณะลงทางลาดชัน เพราะอาจทำให้ผ้าเบรกไหม้จนถึงขั้นเบรกล็อกและเกิดอันตรายได้ นอกจากนั้นในขณะแล่นลงจากเขา ไม่ควรปลดเกียร์มาอยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง หรือ N สำหรับเกียร์อัตโนมัติ เพราะจะทำให้รถยนต์แล่น ลงด้วยความเร็ว เนื่องจากไม่มีกำลังของเครื่อง ยนต์มาหน่วงตัวรถยนต์ไว้ และอาจเกิดอุบัติเหตุได้ ทางขึ้นเนินที่เต็มไปด้วยหิน บางครั้งสภาพเส้นทางในการเดินทางอาจวิบากกว่าที่คิด นอกจากจะเป็นทางขึ้นเนินแล้ว ยังเต็มไปด้วยหินทั้งก้อนใหญ่และก้อนเล็ก ผู้ขับจึงจำเป็นต้องทราบถึงเทคนิคที่ถูกต้อง เพราะหากเกิดความผิดพลาดอาจเป็นอันตรายทั้งต่อร่างกายและทำให้ตัวรถยนต์ได้ รับความเสียหาย ในการเดินทางที่เต็มไปด้วยหินก้อน ใหญ่ ๆ และวางกระจัดกระจายไปทั่ว ผู้ขับจำเป็น ต้องใช้ความชำนาญในการวางตำแหน่งล้อ และการพารถยนต์ผ่านไปได้โดยไม่เกิดความเสียหาย หรือมีความเสียหายน้อยที่สุด ตามปกติในทางขึ้นเนิน รถยนต์ต้องใช้กำลังมากกว่าปกติอยู่แล้วและเมื่อมีก้อนหินที่ไม่ เป็นระเบียบ ยิ่งทำให้เส้นทางวิบากมากขึ้นไปอีก ควรเลือกใช้เกียร์ขับเคลื่อน 4 ล้อในตำแหน่ง 4L พร้อมกับเกียร์ขับเคลื่อนปกติในตำแหน่งเกียร์ 1 และบังคับทิศทางในการไต่ผ่าน เฉพาะก้อนหินที่ขนาดเล็ก และเหยียบคันเร่งให้คงที่โดยรอบเครื่องยนต์ที่ใช้ไม่ควรเกิน 2,500 รอบ/นาที การข้ามแอ่งลึก ในการขับบนเส้นทางออฟโรดตามป่า บางครั้งอาจต้องพารถยนต์ข้ามห้วยหรือลำธารไปยังฝั่งตรงข้าม เพราะไม่มีสะพานเชื่อมต่อ ขั้นแรกควรเดินสำรวจเส้นทางที่จะใช้ลงไป รวมถึงทางขึ้นจากแอ่ง เพราะตามปกติพื้นดินริมตลิ่งมักมีความนุ่มและเป็นโคลน หากขับลงไปทันทีโดยไม่มีการสำรวจก่อน อาจทำให้ติดหล่มหรือพลิกคว่ำได้ ควรเลือกใช้เกียร์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ในตำ แหน่ง 4L และค่อย ๆ ขับลงไป และควรลงในลักษณะเป็นแนวเส้นตรงไม่ควรหักพวงมาลัยนำรถยนต์ตะแคงข้างลงไป เพราะอาจทำให้เกิดการลื่นไถลหรือพลิกคว่ำได้ เมื่อถึงทางขึ้นเนิน ควรนำรถยนต์ขึ้นเป็นเส้นตรงเช่นกันและใช้รอบเครื่องยนต์ให้เหมาะสม ซึ่งไม่ควรเกิน 2,500 รอบ/นาที และกดคันเร่งพารถยนต์ขึ้นไป

4.ข้ามร่องลึก


ควรเลือกระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ในตำ แหน่งเกียร์ 4L พร้อมกับหักพวงมาลัยหันด้านใดด้านหนึ่งของรถยนต์เข้าหารอยแตก โดยเอียง ทำมุม 45 องศา และค่อย ๆ ควบคุมให้ล้อลงบนร่องทีละล้ออย่างนุ่มนวลอย่าให้ตกร่องพร้อม กันทั้ง 2 ล้อ เพราะร่องหรือรอยแยกจะล็อกล้อ ให้อยู่กับที่ ไม่สามารถขับเขยื้อนได้ เกียร์ขับเคลื่อนปกติควรอยู่ในตำแหน่งเกียร์ 1 ซึ่งการขับข้ามร่องลึกต้องอาศัยความนุ่ม นวลในการปล่อยรถไหลลงบนร่อง และการวางตำแหน่งที่เหมาะสม ถ้าเป็นการขับผ่านร่องหิน พยายามขับคร่อมรอยแยกแม้ว่ารอยแยกจะมีความกว้างมากกว่าตัวรถยนต์ โดยอาจต้องขับให้ล้อด้านใดด้านหนึ่งอยู่ในลักษณะการไต่เอียงไปตามผนังของรอย แยก ควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะความคมและแข็งของหิน อาจทำให้เกิดความเสียหายกับตัวรถยนต์หรือยางได้ 5.การขับในป่าที่แคบและเส้นทางขรุขระ เส้นทางในป่าบางแห่งอาจค่อนข้างแคบและมีความขรุขระผู้ขับควรใช้ความชำนาญและ การสังเกต รวมทั้งการใช้ความเร็วให้เหมาะ สม เพราะไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่า เส้นทางข้างหน้าจะมีขอนไม้หรือก้อนหินขวางทางอยู่หรือไม่ หากเส้นทางไม่โหดมาก ก็สามารถเลือกใช้เกียร์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ในตำแหน่ง 4H ได้ หรือใช้เกียร์ 4L หากมีความวิบากมาก ผู้ขับควรเหยียบคันเร่งให้สม่ำเสมอและพยายามหลีกเลี่ยงการใช้คลัตช์ให้น้อย ที่สุด นอกจากนั้น กระจกมองข้ามยังมีประโยชน์ในการสังเกตด้านข้างของรถยนต์กับแนวไม้ตามข้างทาง ที่เป็นอุปสรรค...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น