
ขณะนี้รถออฟโรดกำลังเป็นที่นิยมมากในหมู่ผู้บริโภคคนไทย ประกอบกับในปีนี้จะมีรถออฟโรดพันธุ์แท้ออกสู่ตลาดให้เลือกมากขึ้น วันนี้คอลัมน์ของเราจึงขอแนะนำเทคนิคง่าย ๆ ในการขับขี่รถออฟโรดในรูปแบบต่าง เพราะใน การใช้งานจริงบนเส้นทางออฟโรดไม่สามารถคาดเดาว่าเส้นทางข้างหน้าจะมีรูปแบบใด การศึกษาและทำความคุ้นเคยกับการขับเพื่อสยบอุปสรรคในรูปแบบต่างๆ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็น การขับลุยโคลน ,ขับข้ามหิน,การขึ้นลงเนินลาดชัน ล้วนมีเทคนิคการขับที่แตกต่างกัน วันนี้ขอแนะนำวิธีการขับแบบเบื้องต้นสำหรับมือใหม่ที่มีหัวใจออฟโรด ให้ทดลองนำไปฝึกกัน ขอย้ำนะครับว่า การที่จะเก่งได้อาศัยการหมั่นฝึกฝน อดทนและตั้งใจ ไม่ใช่เพียงแค่อ่านจากตำราแล้วก็จะเก่งได้ นี่ไม่ใช่การสอบข้อเขียนแต่เป็นภาคปฏิบัติ เราไปเริ่มกันเลยดีกว่าครับ
1.การขับลุยโคลน

2.การลุยทราย

3.การขึ้น-ลงทางลาดชัน

ควรเลือกใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ในตำแหน่งเกียร์ 4Lเพื่อเพิ่มกำลังในการปีนไต่มาก ขึ้น อีกทั้งในขณะที่ลงทางลาดชัน เมื่อใช้เกียร์ 1 ร่วมกับเกียร์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ในตำแหน่งนี้กำลังของเครื่องยนต์จะช่วยฉุดตัวรถยนต์ไว้ จนผู้ขับแทบไม่ต้องแตะเบรกเพื่อชะลอความเร็ว เส้นทางขึ้น-ลงภูเขา พบได้ว่าการเดินทาง ตามต่างจังหวัด ซึ่งผู้ขับควรใช้ความระมัดระวัง เป็นพิเศษในการเดินทาง เพื่อความปลอดภัย หากเป็นบนถนนหลวงที่ตัดผ่านภูเขา อาจไม่จำเป็นต้องใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แค่ 2 ล้อ ขับเคลื่อนก็มีกำลังเพียงพอแล้ว ซึ่งในช่วงทางลง ควรใช้เกียร์ต่ำเพื่อให้กำลังของเบรกตลอดเวลาขณะลงทางลาดชัน เพราะอาจทำให้ผ้าเบรกไหม้จนถึงขั้นเบรกล็อกและเกิดอันตรายได้ นอกจากนั้นในขณะแล่นลงจากเขา ไม่ควรปลดเกียร์มาอยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง หรือ N สำหรับเกียร์อัตโนมัติ เพราะจะทำให้รถยนต์แล่น ลงด้วยความเร็ว เนื่องจากไม่มีกำลังของเครื่อง ยนต์มาหน่วงตัวรถยนต์ไว้ และอาจเกิดอุบัติเหตุได้ ทางขึ้นเนินที่เต็มไปด้วยหิน บางครั้งสภาพเส้นทางในการเดินทางอาจวิบากกว่าที่คิด นอกจากจะเป็นทางขึ้นเนินแล้ว ยังเต็มไปด้วยหินทั้งก้อนใหญ่และก้อนเล็ก ผู้ขับจึงจำเป็นต้องทราบถึงเทคนิคที่ถูกต้อง เพราะหากเกิดความผิดพลาดอาจเป็นอันตรายทั้งต่อร่างกายและทำให้ตัวรถยนต์ได้ รับความเสียหาย ในการเดินทางที่เต็มไปด้วยหินก้อน ใหญ่ ๆ และวางกระจัดกระจายไปทั่ว ผู้ขับจำเป็น ต้องใช้ความชำนาญในการวางตำแหน่งล้อ และการพารถยนต์ผ่านไปได้โดยไม่เกิดความเสียหาย หรือมีความเสียหายน้อยที่สุด ตามปกติในทางขึ้นเนิน รถยนต์ต้องใช้กำลังมากกว่าปกติอยู่แล้วและเมื่อมีก้อนหินที่ไม่ เป็นระเบียบ ยิ่งทำให้เส้นทางวิบากมากขึ้นไปอีก ควรเลือกใช้เกียร์ขับเคลื่อน 4 ล้อในตำแหน่ง 4L พร้อมกับเกียร์ขับเคลื่อนปกติในตำแหน่งเกียร์ 1 และบังคับทิศทางในการไต่ผ่าน เฉพาะก้อนหินที่ขนาดเล็ก และเหยียบคันเร่งให้คงที่โดยรอบเครื่องยนต์ที่ใช้ไม่ควรเกิน 2,500 รอบ/นาที การข้ามแอ่งลึก ในการขับบนเส้นทางออฟโรดตามป่า บางครั้งอาจต้องพารถยนต์ข้ามห้วยหรือลำธารไปยังฝั่งตรงข้าม เพราะไม่มีสะพานเชื่อมต่อ ขั้นแรกควรเดินสำรวจเส้นทางที่จะใช้ลงไป รวมถึงทางขึ้นจากแอ่ง เพราะตามปกติพื้นดินริมตลิ่งมักมีความนุ่มและเป็นโคลน หากขับลงไปทันทีโดยไม่มีการสำรวจก่อน อาจทำให้ติดหล่มหรือพลิกคว่ำได้ ควรเลือกใช้เกียร์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ในตำ แหน่ง 4L และค่อย ๆ ขับลงไป และควรลงในลักษณะเป็นแนวเส้นตรงไม่ควรหักพวงมาลัยนำรถยนต์ตะแคงข้างลงไป เพราะอาจทำให้เกิดการลื่นไถลหรือพลิกคว่ำได้ เมื่อถึงทางขึ้นเนิน ควรนำรถยนต์ขึ้นเป็นเส้นตรงเช่นกันและใช้รอบเครื่องยนต์ให้เหมาะสม ซึ่งไม่ควรเกิน 2,500 รอบ/นาที และกดคันเร่งพารถยนต์ขึ้นไป
4.ข้ามร่องลึก

ควรเลือกระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ในตำ แหน่งเกียร์ 4L พร้อมกับหักพวงมาลัยหันด้านใดด้านหนึ่งของรถยนต์เข้าหารอยแตก โดยเอียง ทำมุม 45 องศา และค่อย ๆ ควบคุมให้ล้อลงบนร่องทีละล้ออย่างนุ่มนวลอย่าให้ตกร่องพร้อม กันทั้ง 2 ล้อ เพราะร่องหรือรอยแยกจะล็อกล้อ ให้อยู่กับที่ ไม่สามารถขับเขยื้อนได้ เกียร์ขับเคลื่อนปกติควรอยู่ในตำแหน่งเกียร์ 1 ซึ่งการขับข้ามร่องลึกต้องอาศัยความนุ่ม นวลในการปล่อยรถไหลลงบนร่อง และการวางตำแหน่งที่เหมาะสม ถ้าเป็นการขับผ่านร่องหิน พยายามขับคร่อมรอยแยกแม้ว่ารอยแยกจะมีความกว้างมากกว่าตัวรถยนต์ โดยอาจต้องขับให้ล้อด้านใดด้านหนึ่งอยู่ในลักษณะการไต่เอียงไปตามผนังของรอย แยก ควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะความคมและแข็งของหิน อาจทำให้เกิดความเสียหายกับตัวรถยนต์หรือยางได้ 5.การขับในป่าที่แคบและเส้นทางขรุขระ เส้นทางในป่าบางแห่งอาจค่อนข้างแคบและมีความขรุขระผู้ขับควรใช้ความชำนาญและ การสังเกต รวมทั้งการใช้ความเร็วให้เหมาะ สม เพราะไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่า เส้นทางข้างหน้าจะมีขอนไม้หรือก้อนหินขวางทางอยู่หรือไม่ หากเส้นทางไม่โหดมาก ก็สามารถเลือกใช้เกียร์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ในตำแหน่ง 4H ได้ หรือใช้เกียร์ 4L หากมีความวิบากมาก ผู้ขับควรเหยียบคันเร่งให้สม่ำเสมอและพยายามหลีกเลี่ยงการใช้คลัตช์ให้น้อย ที่สุด นอกจากนั้น กระจกมองข้ามยังมีประโยชน์ในการสังเกตด้านข้างของรถยนต์กับแนวไม้ตามข้างทาง ที่เป็นอุปสรรค...