วันเสาร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Ford Explorer เปลี่ยนโฉมมาขับหน้า

แฟนของ ฟอร์ด เอ็กซ์โพลเรอร์ ในเมืองไทย มีอยู่ระดับหนึ่ง เพราะเคยทำตลาดอยู่ 2 รุ่น เมื่อฟอร์ดจัดการเผยโฉมใหม่ หรือโมเดลเชนจ์ของ เอ็กซ์โพลเรอร์ พร้อมกับความเปลี่ยนแปลง หันมาพัฒนาบนพื้นฐานของรถยนต์นั่งขับเคลื่อนล้อหน้าขนาดกลางในกลุ่ม D-Segment แทน Ford Explorer เป็น SUV ที่ฟอร์ดพัฒนาออกขายในปี 1990 โดยเป็นการดัดแปลงบนพื้นฐานของปิกอัพรุ่น เรนเจอร์ ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นปิกอัพขนาดกลางที่ทำตลาดต่อจากรุ่น F-150 และเป็นคนละตัวถังกับ เรนเจอร์ ที่ขายในเมืองไทย โดยฟอร์ดยึดรูปแบบเช่นนี้ ทำตลาดมาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งถึงรุ่นใหม่ล่าสุด ที่เปิดตัวเมื่อปลายเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา


สิ่งที่แตกต่างออกไปจากเพื่อนร่วมรุ่นทั้งหลายคือ เอ็กซ์โพลเรอร์ใหม่ถูกพัฒนาบนพื้นตัวถังของเก๋งขนาดกลางอย่าง ฟอร์ด ทอรัส หรือ ลินคอล์น MKS และ MKT นั่นหมายความว่าเลย์เอาท์ในการวางเครื่องยนต์ จะเป็นแบบตามขวาง และขับเคลื่อนล้อหน้า แต่ก็มีรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาให้สัมผัสด้วย

ประเด็นหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงน่าจะมาจากการปรับปรุงบุคลิกของตัวรถให้สอดคล้องกับ ความต้องการของลูกค้ามากขึ้น เพราะการใช้พื้นฐานลักษณะนี้ ซึ่งมีระบบกันสะเทือนหน้าแบบปีกนกคู่ SLA และด้านหลังแบบมัลติลิงค์ มีจุดเด่นในเรื่องของความนุ่มนวล คล่องตัว และสมรรถนะในการยึดเกาะที่ดีกว่าเมื่อใช้งานบนทางเรียบในลักษณะออนโรด แต่ข้อเสียคือ ความทนทาน และสมบุกสมบัน เวลาขับอยู่บนเส้นทางออฟโรด
ซึ่งฟอร์ดคงมองเห็นแล้วว่าลูกค้าในปัจจุบันเน้นประโยชน์ใช้สอยทางด้านไหนมากกว่ากัน อีกทั้งการใช้

เลย์เอาท์ลักษณะนี้ ทำให้ฟอร์ดสามารถหันมาคบกับเครื่องยนต์รหัส EcoBoost ได้ และนำเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 2,000 ซีซี พร้อมระบบไดเร็กต์อินเจ็กชัน และเทอร์โบมาวาง ซึ่งแม้จะมีกำลังขับเคลื่อนมากกว่าเครื่องยนต์วี6 4,000 ซีซีบล็อกเดิมด้วยตัวเลข 237 แรงม้า แต่ก็มีความประหยัดน้ำมันกว่า เพราะความจุของ กระบอกสูบที่น้อยกว่าเท่าตัว โดยในรุ่นนี้จะมีเฉพาะขับเคลื่อนล้อหน้าเท่านั้น ส่วน อีกทางเลือกเป็นเครื่องยนต์วี6 3,500 ซีซี พร้อมระบบวาล์วแปรผัน Ti-VCT 290 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 35.2 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที มีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้า หรือ 4 ล้อตลอดเวลา โดยทั้ง 2 รุ่นส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะรุ่นใหม่ล่าสุด

สำหรับ การบุกตะลุยบนทางออฟโรด ฟอร์ดเผยว่ายังทำได้ดีระดับหนึ่ง และมีการนำระบบการเลือกปรับอัตราทด ในส่วนของระบบถ่ายทอดกำลังของเกียร์ขับเคลื่อน 4 ล้อมาใช้ โดยระบบนี้ถูกเรียกว่า Terrain Management System มีลักษณะเป็นปุ่มหมุนบิด เพื่อให้ผู้ขับเลือกโหมดการกระจายกำลังตามสภาพเส้นทางข้างหน้า โดยมีทั้งแบบขับปกติ, ขับผ่านโคลน, ทราย หรือว่าหิมะไม่ต้องมานั่งเดาว่าจะใช้ 4H หรือ 4L ดี แค่ดูเส้นทางด้านหน้าว่าเป็นแบบไหน แล้วก็เลือกให้ตรงกันเป็นอันจบ ส่วนปุ่มตรงกลางกดสำหรับใช้ระบบ Hill Descent Control ควบคุมการลงจากทางลาดชันจัดๆ ด้วยความเร็วต่ำ เพื่อความปลอดภัย การผลิต เอ็กซ์โพลเรอร์ใหม่จะอยู่ที่โรงงานในเมืองชิคาโก้ ประเทศสหรัฐอเมริกา และมีราคาเริ่มต้นที่ 28,190 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 930,000 บาท

วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2553

SUV off road [Zusuki grand vitara]

แกรนด์วิทาร่ารุ่นที่ 3 นั้นเป็นรถนั่งอเนกประสงค์ (SUV) อย่างแท้จริง ที่จะทำให้คุณพบกับอิสระในการขับขี่ ให้คุณเดินทางไปได้ทุกที่ที่ต้องการ ภายใต้คอนเซปท์ “off-road athlete” เฉกเช่นนักกีฬาที่ทำการฝึกฝนอย่างเข้มงวดเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ ทุกรูปแบบ แกรนด์วิทาร่าได้ ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับทุกสภาพถนนด้วยสมรรถนะที่มีประสิทธิภาพ ง่ายต่อการควบคุมและใช้ในเมืองได้อย่างสะดวกสบาย โดยซูซูกิได้ทุ่มเทในการถ่านทอดดีเอ็นเอวิศวกรรมยานยนต์ที่ทันสมัยในการผลิต รถสปอร์ต 4x2 เพื่อให้แกรนด์วิทาร่ามีสมรรถนะของรถออฟโรดอย่างแท้จริง

รูปแบบและอุปกรณ์ต่างๆตอบสนองทุกความต้องการ ในขณะที่ความก้าวล้ำในเทคโยโลยีจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความอเนกประสงค์ ซูซูกิ แกรนด์วิทาร่า รุ่น 5 ประตูเหมาะสมกับกลุ่มครอบครัว ผู้ที่ชอบกิจกรรมกลางแจ้ง รวมถึงผู้ที่ต้องการประโยชน์ใช้สอยและความเป็นอเนกประสงค์อย่างเต็มที่ แกรนด์วิทาร่า ... รถสำหรับผู้ที่รู้ว่าการเดินทางที่แท้จริงจะเริ่มต้นถึงเมื่อถนนสิ้นสุดลง

มาดแห่งผู้นำและสมรรถนะที่คุณสัมผัสได้ ทุกองค์ประกอบของแกรนด์วิทาร่า เป็นดั่งแชมป์นักกีฬา:
โครงสร้างที่แข็งแรงและสัดส่วนที่เหมาะสมจะช่วยตอบสนองความต้องการในการขับ ขี่ ความยาวด้านหน้าที่ออกแบบให้กะทัดรัดและล้อ 17 นิ้ว เสริมลุคสปอร์ต หน้าล้อขนาดใหญ่และดอกยางที่ออกแบบเพื่อเสริมสร้างการยึดเกาะถนน ใหคุณมั่นใจตลอดการใช้งาน

ความหรูหราที่เหนือกาลเวลา
ทันทีที่เข้ามาที่ด้านในนั้นผู้โดยสารจะเข้ามาพบกับโลกที่เป็นโลกของ ซูซูกิแท้ๆ สัมผัสศิลป์ของการออกแบบโดยใช้สีเงินให้โดดเด่นขึ้นมาจากสีดำซึ่งเป็นสีหลัก ของการตกแต่งภายใน ผสมผสานความคลาสสิค ให้องค์ประกอบต่างๆ ภายในมีความโดดเด่น ตกแต่งพื้นผิวขอบมุมต่างๆด้วยดีไซน์โค้งมน ให้ความรู้สึกเหนือกว่ายามขับขี่ อีกทั้งช่วยลดโอกาสในการเกิดการบาดเจ็บเมื่อออฟโรดได้อีกด้วย

นิยามใหม่สไตล์สปอร์ตของรถ 4 X 2
แกรนด์วิทาร่านี้เป็นรถในรุ่นที่ 3 โดยแนวคิดพื้นฐานนั้นยังคงเป็นเหมือนเดิมเช่นเดียวกับรถรุ่นแรกในปี 2531 แนวคิดนี้สามารถสรุปด้วยวลีได้ว่า “การนำสมรรถนะที่เหนือกว่ามาใส่รถแบบครอสคันทรีที่นิยมใช้ในเมือง” ในเวลาเดียวกันเป้าหมายร่วมของทีมผู้สร้างคือการผลิตรถยนต์ซึ่งสามารถยกชื่อเสียงของซูซูกิในความสามารถของการขับขี่ ภายใต้แนวคิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ “off-road athlete” จะคล้ายกับการที่นักกีฬาทำการฝึกฝนอย่างเข้มงวดเพื่อตอบสนองต่อ สถานการณ์ต่างๆทุกรูปแบบ เป้าหมายนั้นมีความตรงไปตรงมาซึ่งได้แก่ การพัฒนาปรับปรุงด้านความชำนาญในทุกประเภทถนน สมรรถนะที่มีประสิทธิภาพ, มีความเป็นรถที่ใช้ในเมืองและง่ายต่อการใช้งาน ซูซูกิได้ทุ่มเทในการถ่านทอดดีเอ็นเอวิศวกรรมยานยนต์ที่ทันสมัยในการผลิตรถ สปอร์ต 4x2 เพื่อให้แกรนด์วิทาร่ามีสมรรถนะ ของรถออฟ- โรดอย่างแท้จริงสมรรถนะการขับขี่บนถนนที่ได้รับการพัฒนา การเกาะถนนที่ยอดเยี่ยม

คุณลักษณะในการรักษาความปลอดภัยต่างๆ ที่จะช่วยรักษาความสมดุลย์ของทิศทางของแกรนด์วิทาร่าโดยอาศัยฟังก์ชั่นหลัก 3 ประการคือ ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค (ABS) พร้อมด้วยระบบกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ (EBD), การควบคุมการเกาะถนนและการควบคุมความสมดุลย์ ฟังก์ ชั่นการควบคุมความสมดุลย์นั้นจะทำให้เกิดการเปลี่ยนทิศทางโดยอาศัยการเบรค ที่ล้อที่ต้องการในกรณีที่ over-steer หรือ under-steer แรงส่งของเครื่องยนต์จะถูกควบคุมในกรณีที่เกิด under-steer ในกรณีรถชน ตัวรถจะช่วยผลักแรงกระแทกของการชนกันให้ออกไปจากห้องโดยสารซึ่งมีการเสริม โครงสร้างอย่างดีเยี่ยม คันเหยียบนั้นถูกออกแบบให้ลดส่วนที่ยื่นออกมาเพื่อให้มีความเหมาะสมกับเท้า และขอบดูดซับแรงนั้นจะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถทุกๆ รุ่น นอกจากนี้ระบบช่วยเบรค (BA) จะช่วยในการปรับแรงดันน้ำมันเบรคให้สัมพันธ์กับน้ำหนักบรรทุกทำให้การเบรกมีความแม่นยำมากขึ้น
คุณลักษณะมาตรฐานและอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยอื่นๆ รวมถึงถุงลมนิรภัยคู่ด้านหน้า SRSและเข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับชนิดล็อคฉุกเฉิน (ELR)3จุดพร้อมด้วยระบบดึงกลับอัตโนมัติของเข็มขัดนิรภัย,เข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับชนิดล็อคฉุกเฉิน (ELR)3จุดที่ด้านหลัง, ที่ยึดที่นั่งเด็กที่สอดคล้องตามข้อกำหนดของ ISOFIX และไฟเบรกดวงที่ 3




วันพุธที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เบื้องหลังการทดสอบรถ Hummer

เบื้องหลังการทดสอบสมรรถนะรถ Hummer ราคา 50,000 $ ราคาในบ้านเราประมาณ 2-3 ล้านมีสมรรถนะที่น่าสนใจดังนี้ครับ
เครื่องยนต์ เบนซิน 3,700cc L5 242 แรงม้า ใช้น้ำมัน แก๊สโซฮอลล์ 91 และ 95
เกียร์อัตโนมัต 4 สปีด พร้อมโหมดปรับระบบ เกียร์ 3 โหมดคือ ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา, Up, Low
อัตราเร่ง 0-100km/h = 9.7 วินาที อัตราการกินน้ำมัน 8.26 กิโล/ลิตร ผลเป็นดังคลิปนี้ครับ



เป็นข้อคิดนะครับว่าของดีไม่จำเป็นต้องมีราคาแพง และของแพงใช่ว่าจะดีทุกอย่าง แบบบ้านเราใช้ได้ทุกยี่ห้อแต่ต้องรู้จักดัดแปลงแต่งเติมก็หรูเริดแล้วครับ